พรีเมียร์ลีคในซีซั่นนี้มีการตั้งประเด็นขึ้นมาใหม่อีกแล้ว ต้องเล่าก่อนว่าซีซั่นนี้ พรีเมียร์ลีคได้ปรับกฎใหม่ให้ VAR ทำหน้าที่เป็นแค่ข้อมูลสำหรับผู้ตัดสินเท่านั้น โดยการนำเสนอภาพช้าให้ผู้ตัดสินในสนามตัดสินใจเองว่าจะเอาอย่างไร ทีนี้ผลที่เกิดขึ้นทำให้เกมพรีเมียร์ลีคเพิ่งจะผ่านสัปดาห์ที่ 3 ไป เล่นไปทั้งหมด 28 นัด มีจุดโทษเกิดขึ้น 20 ครั้งเลยทีเดียว สถิติบอกว่าในจำนวน 20 ครั้ง แฮนด์บอลมากถึง 6 ครั้งด้วยกัน อะไรทำให้แฮนด์บอลเกิดบ่อยขึ้น

ภาพช้าชัดเจน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้กรรมการต้องเป่าแฮนด์บอลบ่อยมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเพราะว่าตอนนี้กรรมการจะต้องทำหน้าที่ดูภาพช้าเกือบทุกจังหวะที่มีผลต่อรูปเกมในสนาม โดยเฉพาะจังหวะชุลมุนหน้ากรอบเขตโทษ หรือ จังหวะสวนกลับ ที่มีผลต่อรูปเกมโดยตรง ทีนี้พอดูภาพช้าแล้วเห็นว่าแฮนด์บอลชัดเจน มันก็ต้องเป่าว่าแฮนด์บอล แล้วก็นำมาสู่จุดโทษที่ง่ายขึ้น พูดง่ายๆว่าเห็นชัด เห็นซ้ำ และ เห็นช้า ก็สามารถตัดสินใจได้ง่าย

การตีความของกรรมการ

ทีนี้อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้ แฮนด์บอลเกิดขึ้นได้บ่อย เป็นเรื่องการตีความของกรรมการ ที่เค้าตีความตามกฎอย่างชัดเจนมากของ IFAB กฎนี้บอกเอาไว้ว่า หากผู้เล่นเกมรับ ทำให้แขนกางออกเพื่อให้ตัวใหญ่ขึ้น แล้วบอลโดนมือจะถือว่าฟาลว์หมดทุกกรณีจะจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม ซึ่งการตีความตามตัวอักษรแบบนี้ มันก็ดีตรงความชัดเจน แต่ว่ามันจะทำให้การตัดสินใจบางอย่างมันดู ผิดมนุษย์ ผิดธรรมชาติเกินไป อย่างลูกที่ เอริค ไดเออร์ เบียดขึ้นโหม่งกับ แอนดี้ คาร์โรลล์ ในเกมกับนิวคาสเซิ่ล ทีนี้ คาร์โรลล์ โหม่งได้ก่อนแล้วบอลไปโดนแขนของไดเออร์ทั้งที่เจ้าตัวหันหลังอยู่ กรรมการตัดสินตามกฎ เป่าจุดโทษเลย ซึ่งกรรมการเป่าตามตัวบทที่ร่างขึ้นมา แต่ว่าความจริงไดเออร์ อาจจะไม่ได้จงใจปัดบอลหรือขยับแขนเลยก็ได้เพราะว่าไม่เห็นบอล สิ่งที่ทำออกไปเป็นกลไกของร่างกายตามธรรมชาติเท่านั้นเอง นี่ยังไม่นับอีกหลายเคสที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คงต้องมาดูกันว่า พรีเมียร์ลีคจะปรับลงมาอย่างไรให้ดีกว่าเดิม