เราเชื่อว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ แม้ว่าเกมเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์ มีความสำคัญขนาดไหน แต่ถ้าแลกกับการที่พวกเค้าจะไม่ต้องเสีย ฟาน ไดค์ไปจากอาการบาดเจ็บทั้งฤดูกาลแบบนี้ พวกเค้าขอยอมแพ้ต่ออริร่วมเมืองดีกว่า เพราะการเสียเวอร์กิล ฟาน ไดค์ ไปยอมรับตามตรงว่า มันเสียหายอย่างมหาศาลมากต่อพวกเค้าในช่วงเวลาที่เหลืออีกกว่า 90% ทีเดียว การขาด ฟานไดค์ มีผลอะไรบ้าง เรามาวิเคราะห์กัน

ผู้นำในแนวรับ

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีมถึงจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ และการเล่นเป็นทีมจะต้องมีผู้นำเพื่อเป็นหลักชัยแห่งความสำเร็จ เป็นคนที่จะพาทุกคนให้ลุกขึ้นฮึดสู้แม้ว่าจะอยู่ในยามที่สิ้นหวัง การเสีย ฟานไดค์ ไปก็เท่ากับว่า พวกเค้าสูญเสียผู้นำในแนวรับ ที่จะคอยสั่งการ และกำหนดทิศทางการประกบตัว การกำหนดจังหวะเข้าบอล นั่นจะทำให้การเล่นกองหลังลิเวอร์พูล คนที่เหลืออาจจะต้องจูนกันใหม่ว่าใครจะทำหน้าที่นี้ และ จะทำได้ดีแค่ไหนกว่าจะจูนติด บอกเลยว่าเหนื่อยแน่น

ภาพลักษณ์ของทีม

เกมรุกอาจจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับทำให้คุณเป็นแชมป์ เชื่อว่าวลีสุดอมตะชิ้นนี้ ยังเป็นจริงเสมอเมื่อดูผลงานของลิเวอร์พูลที่ผ่านมา เอาเป็นว่ามีการเปิดสถิติเวลาที่ ฟานไดค์ ลงสนามทุกรายการให้ลิเวอร์พูล พวกเค้ามีโอกาสชนะมากถึง 70% ตลอด 130 เกมที่ผ่านมา แต่วันที่ลิเวอร์พูลไม่มี ฟานไดค์ แม้จะเพียงแค่ 13 เกม โอกาสชนะลดวูบเหลือเพียงแค่ 46% เท่านั้นเอง ต้องบอกว่า ฟานไดค์ เป็นภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของลิเวอร์พูลในซีซั่นที่แล้วอย่างแท้จริง การเสียสัญลักษณ์ชิ้นนี้ไป ทำให้ทุกทีมที่จะเจอกับลิเวอร์พูลต่อจากนี้ พวกเค้าไม่กลัวอีกต่อไปแล้วนี่แหละจะทำให้งานของลิเวอร์พูลยากขึ้นกว่าเดิม

ลูกกลางอากาศ

จุดเด่นของ ฟานไดค์ นอกจากการอ่านเกม การเข้าปะทะ การบดบี้ เบียด กับกองหน้าทุกคนบนโลกนี้ ก็คือการเล่นลูกกลางอากาศที่ทั้งแข็งแกร่งและยืนตำแหน่งได้ดีมาตลอด การขาดเค้าไปบอกเลยว่า ลูกกลางอากาศของลิเวอร์พูลน่าเป็นห่วงมาก อย่างเกมล่าสุด พอไม่มี ฟานไดค์ ก็โดน เอฟ สอยมาได้สองประตูจากลูกกลางอากาศทั้งนั้น ต่อจากนี้บอกเลยว่ามีการบอมบ์ยาวใส่รัวๆ แน่นอน