แมนยูรายงานขาดทุนสุทธิ 113.2 ล้านปอนด์สำหรับปี 2023-24

แมนยูรายงานขาดทุนสุทธิ 113.2 ล้านปอนด์สำหรับปี 2023-24

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยผลประกอบการทางการเงินล่าสุดที่น่าตกใจ โดยรายงานการขาดทุนสุทธิถึง 113.2 ล้านปอนด์สำหรับปีการเงิน 2023-24 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางการเงินที่สโมสรกำลังเผชิญอยู่

ผลขาดทุนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ “ปีศาจแดง” เนื่องจากในปี 2022-23 พวกเขาขาดทุน 28.7 ล้านปอนด์ และในปี 2021-22 ขาดทุนถึง 115.5 ล้านปอนด์ เมื่อรวมผลขาดทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดรวมพุ่งสูงถึงกว่า 370 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าวิตกอย่างยิ่ง

แม้จะมีผลประกอบการที่น่าเป็นห่วง แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดว่าจะไม่ละเมิดกฎด้านผลกำไรและความยั่งยืนของ พรีเมียร์ลีก ทั้งนี้เนื่องจากไม่ใช่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ถูกนำไปคำนวณ และสโมสรสามารถอ้างรายการที่เรียกว่า ‘add backs’ ได้ ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินลงได้บางส่วน

โอมาร์ เบอร์ราดา (Omar Berrada) ซีอีโอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมายืนยันว่า “สโมสรยังคงมุ่งมั่นและปฏิบัติตามทั้งกฎด้านผลกำไรและความยั่งยืนของ พรีเมียร์ลีก และกฎการเล่นอย่างยุติธรรมทางการเงินของ ยูฟ่า” คำกล่าวนี้มีขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลและนักลงทุน

ในช่วงเวลาที่รายงานการเงินนี้ครอบคลุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีผลงานที่ไม่น่าประทับใจนัก โดยจบอันดับ 8 ใน พรีเมียร์ลีก และตกรอบแรกใน แชมเปียนส์ลีก อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ ซึ่งเป็นความสำเร็จเพียงอย่างเดียวในฤดูกาลนั้น และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด วิธีแทงบอลสเต็ป สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ในช่วงเดียวกันนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโครงสร้างความเป็นเจ้าของ โดย เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ (Sir Jim Ratcliffe) มหาเศรษฐีชาว อังกฤษ ได้เข้าซื้อหุ้น 27.7% ในสโมสร การเข้ามาของ แรทคลิฟฟ์ นำมาซึ่งความหวังในการปฏิรูปและยกระดับสโมสร

เซอร์เดฟ เบรลส์ฟอร์ด (Sir Dave Brailsford) กรรมการของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เริ่มดำเนินการทบทวนการดำเนินงานของสโมสรอย่างละเอียดตั้งแต่เดือนธันวาคม เมื่อมีการยืนยันการเป็นเจ้าของร่วมของบริษัท อิเนออส (Ineos) ซึ่งเป็นบริษัทของ แรทคลิฟฟ์

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ถูกประกาศออกมาคือการตัดงาน 250 ตำแหน่งเพื่อลดค่าใช้จ่าย สโมสรคาดว่าจะสามารถประหยัดเงินได้ระหว่าง 30 ถึง 35 ล้านปอนด์ในช่วงสองปีนับจากปี 2025 จากการทบทวนค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่นี้

นอกจากนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีภาระหนี้สินที่สูง โดยมีหนี้ระยะยาว 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 496.52 ล้านปอนด์) รวมถึงเงินกู้ยืมปัจจุบันอีก 35.6 ล้านปอนด์ และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนอีก 30.0 ล้านปอนด์

แม้จะมีความท้าทายทางการเงิน แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ระหว่าง 650 ถึง 670 ล้านปอนด์ในปีหน้า หลังจากที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 661.8 ล้านปอนด์ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างของสโมสรก็เพิ่มขึ้น 10% เป็น 364.7 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นภาระที่สำคัญ

ในฤดูกาลปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องลงแข่งขันใน ยูโรปา ลีก แทน แชมเปียนส์ลีก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ ผลงานในลีกยังไม่น่าประทับใจนัก โดยชนะเพียงหนึ่งในสามเกมแรกของ พรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม สโมสรได้ลงทุนในการเสริมทัพ โดยเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ห้าคนในช่วงซัมเมอร์นี้ ได้แก่ มานูเอล อูการ์เต (Manuel Ugarte), โจชัว เซิร์กเซ (Joshua Zirkzee), เลนี โยโร (Leny Yoro), มัตไธส์ เดอ ลิกต์ (Matthijs de Ligt) และนุสแซร์ มาซราอุย (Noussair Mazraoui) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับปรุงทีม

สถานการณ์ทางการเงินของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่สโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่ต้องเผชิญในยุคปัจจุบัน การสร้างสมดุลระหว่างความสำเร็จในสนามและความมั่นคงทางการเงินเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง แฟนบอลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดจะจับตามองว่า การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการบริหารและกลยุทธ์ใหม่ๆ จะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ของสโมสรได้หรือไม่ในอนาคตอันใกล้

 

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด วิธีแทงบอลสเต็ป สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ